บทที่12
การบัญชีบนอินเทอร์เน็ต
(Accounting on
the Internet)
อินเทอร์เน็ต (Internet)
อินเทอร์เน็ต
หมายถึง เครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดใหญ่ มีการเชื่อมต่อระหว่างเครือข่ายหลายๆ
เครือข่ายทั่วโลก โดยใช้ภาษาที่ใช้สื่อสารกันระหว่างคอมพิวเตอร์ที่เรียกว่า
โพรโทคอล (protocol)ผู้ใช้เครือข่ายนี้สามารถสื่อสารถึงกันได้ในหลายๆทางเช่นอีเมลเว็บบอร์ดและสามารถสืบค้นข้อมูลและข่าวสารต่างๆรวมทั้งคัดลอกแฟ้มข้อมูลและโปรแกรมมาใช้ได้
เวิลด์ไวด์เว็บ ( World-Wide
Web )
เวิลด์ไวด์เว็บ นิยมเรียกสั้นๆ ว่าเว็บ
หรือ WWW
ถือเป็นส่วนที่น่าสนใจที่สุดบนอินเทอร์เน็ตเพราะสามารถแสดงสารสนเทศต่างๆ
ได้หลากหลาย เช่น นิตยสารหรือหนังสือพิมพ์อิเล็กทรอนิกส์ข้อมูลด้านดนตรีกีฬา
การศึกษา ซึ่งสามารถนำเสนอได้ทั้งภาพ เสียง รวมถึงภาพเคลื่อนไหว
เช่นแฟ้มภาพวีดิทัศน์หรือตัวอย่างภาพยนตร์
และการสืบค้นสารสนเทศในเวิลด์ไวด์เว็บนั้นจำเป็นต้องอาศัยโปรแกรมค้นดูเว็บ (web browser) ในการเข้าถึงแหล่งข้อมูล
โดยที่เว็บกับโปรแกรมค้นผ่านจะทำหน้าที่รวบรวมและกระจายเอกสารที่เครือข่ายที่ทำไว้
เบราว์เซอร์ (Browser)
ชนิดหนึ่งที่ใช้ในการแสดงผลข้อมูลเว็บต่างๆทั้งในรูปแบบของ
HTML (Hypertext Markup language), PHP, CGI, JavaScript ต่างๆเพื่อใช้ในการค้นหาข้อมูลเพื่อความบันเทิงหรือธุรกรรมอื่นๆเป็นต้น
กรุ๊ปแวร์ (Groupware)
กรุ๊ปแวร์ (Groupware)
คือ โปรแกรมที่สนับสนุนการทำงานเป็นกลุ่ม หรือทีมมักเป็นเครื่องมือในการประสานงานระหว่างการทำงานที่ทำให้ผู้ใช้หลายคนสามารถใช้สารสนเทศร่วมกันกับผู้อื่นและทำงานร่วมกันในหลาย ๆ โครงการ โดยมีผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างกันโปรแกรมการจัดการการติดต่อบนเครือข่ายสำเร็จรูปและไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ไปจนถึงโปรแกรมการใช้เอกสารร่วมกัน นอกจากนี้กรุ๊ปแวร์ยังเป็นเครื่องมือในเก็บรวบรวม และ
บำรุงรักษาความรู้ และความเชี่ยวชาญขององค์กร เพื่อมาแบ่งปันกับทุกคน
และทำให้เกิดการจัดการความรู้ ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญของความร่วมมือภายในองค์กร โดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูป
XBRL (eXtensible
Business Reporting Language)
คือระบบภาษาทางอิเล็กทรอนิกที่ถูกสร้างขึ้นโดยใช้เทคโนโลยีเครือขายอินเทอร์เน็ตให้เป็นประโยชน์ในการสื่อสารข้อมูลเป็นการติดรหัสแถบ (Barcode) ของรายการต่างๆ
ของงบการเงินที่นำเสนอซึ่งเป็นการอ้างถึงภาษามาตรฐานของรายงานทางการเงินผ่านระบบอินเตอร์เน็ตซึ่งเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก
เป็นภาษาทางคอมพิวเตอร์ที่ออกแบบเป็นพิเศษสำหรับการนำเสนอ
ในปัจจุบันนี้
เทคโนโลยี XBRL มีบทบาทสำคัญอย่างมากต่อการนำส่งงบการเงินผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์
(e-Filing) ซึ่งถูกใช้งานกันอย่างกว้างขวางในระดับนานาประเทศรวมถึงประเทศไทยโดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้ากำหนดให้มีการเปลี่ยนแปลงวิธีการนำส่งงบการเงินของบริษัทนิติบุคคลทั้งระบบทั่วประเทศใหม่ทั้งหมดซึ่งจากเดิมเคยส่งด้วยรูปแบบเอกสาร (Hardcopy) มาเป็นรูปแบบใหม่ในระบบอิเล็กทรอนิกส์
ผ่านเทคโนโลยี XBRL มีการประมวลผลแบบทันที (Real
Time) ช่วยลดการจัดเก็บเอกสารจำนวนมาก
อีกทั้งยังเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการในการนำส่งงบการเงิน
Electronic Commerce หรือ การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
Electronic
Commerce หรือ การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ หมายถึง
การทำธุรกรรมทางเศรษฐกิจที่ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์
เช่น การซื้อขายสินค้าและบริหาร การโฆษณาสินค้า การโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์
เป็นต้น
E-Commerce ใช้ติดต่อกับลูกค้าได้หลายระดับ ธุรกิจกับลูกค้า ธุรกิจกับธุรกิจ
ธุรกิจกับภาครัฐฯ สาระของการติดต่อจะมี 4-5 ประการ คือ
1. การขาย รวมการโฆษณา
แสดงสินค้า เสนอราคา สั่งซื้อ คำนวณราคา
2. การชำระเงิน
การตกลงวิธีชำระเงิน สั่งโอนเงิน ให้ข้อมูลบัญชีธนาคารที่ใช้ตัดบัญชีตลอดจนเงินดิจิทัลรูปแบบใหม่ ๆ
3. การขนส่ง
แจ้งวิธีการส่งมอบของ ค่าขนส่ง และสถานที่ติดต่อและระบบติดตามสินค้าที่ส่ง
4. บริการหลังการขาย
การติดต่อภายในบริษัท เช่นระบบบัญชี คลังสินค้า ระบบสั่งซื้อสินค้าและวัตถุดิบ
สั่งผลิต ตลอดจนบริการลูกค้าหลังการขาย
ที่มา:
https://guru.sanook.com/3871
E-Payment
การพัฒนาระบบการชำระเงินแบบ
e-Payment หรือ Electronic Payment
System ถูกสร้างขึ้นมาให้สอดคล้องกับการใช้งานของเทคโนโลยี
และวิถีชีวิตของคนในปัจจุบันซึ่งจะมีลักษณะเป็นกระบวนการส่งมอบในลักษณะของการโอนชำระเงินผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่ทันสมัย
เช่น ระบบอินเทอร์เน็ต คอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน ที่มีตัวกลาง Payment Gateway
ในรูปแบบ Website ที่ทำให้สามารถทำการชำระค่าบริการ
หรือทำธุรกรรมทางการเงินต่างๆ ผ่านบัตรเครดิตได้
ระบบ
Electronic
Payment System นี้จะอยู่ภายใต้การดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย
ซึ่งหากธุรกิจใดที่ต้องการใช้งาน
จำเป็นจะต้องขออนุญาตธนาคารแห่งประเทศไทยก่อนเกิดการใช้งาน และธุรกิจ Electronic
Payment System ที่อยู่ภายใต้การดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทยประกอบด้วยบริการทั้งหมด
8 ประเภทดังนี้
1. การเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Money) คือมูลค่าของเงินที่ถูกบันทึกในสื่ออิเล็กทรอนิกส์ซึ่งอาจมาจากการใช้ชำระค่าสินค้า หรือทำธุรกรรมอื่นๆ แทนเงินสด
2. บริการเครือข่ายของบัตรเครดิต
คือเครือข่ายที่จะให้บริการในการรับส่งข้อมูลทางการเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ไปยังผู้ให้บริการบัตรเครดิตต่างๆ
3. บริการเครือข่าย EDC Network คือจุดเชื่อมโยงเครือข่ายของการให้บริการอุปกรณ์หรือเครื่องมือที่รับส่งข้อมูลการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ
4. บริการสวิตชิ่งในการชำระเงิน (Transaction Switching) คือบริการที่เป็นส่วนรวมหรือจุดเชื่อมต่อของการรับส่งข้อมูลการชำระเงิน
ให้กับผู้ให้บริการตามที่ได้ตกลงกันไว้
5. บริการหักบัญชี (Clearing) คือการบริการในการรับส่งข้อมูล
ตรวจสอบ และยืนยันในคำสั่งของการชำระเงิน
เพื่อให้กระบวนการชำระดุลระหว่างเจ้าหนี้ และลูกหนี้ให้สำเร็จ
6. บริการชำระดุล (Settlement) คือบริการระบบการชำระเงินที่ตกลงกันไว้ล่วงหน้า
เพื่อหักเงินของผู้ใช้บริการไปให้เจ้าหนี้
7.บริการรับชำระเงินแทนบริการที่คิดขึ้นมาเพื่อชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์แทนเจ้าหนี้
8. บริการการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ผ่านอุปกรณ์ หรือผ่านทางเครือข่าย
เป็นการชำระเงิน ผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์
แต่จะไม่มีการเก็บเงินไว้
E-Wallet
E-Wallet คือ
กระเป๋าเงินส่วนตัวของสมาชิก เพื่อใช้ซื้อสินค้าเว็บไซด์เว็บ Bookbik เท่านั้นซึ่ง e-wallet
เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ให้ความสะดวกกับเพื่อนสมาชิกในการซื้อสินค้า
(โดยทั่วไปแล้วสมาชิกสามารถชำระค่าสินค้าโดย การตัดบัญชีธนาคารอัตโนมัติ internet
banking, การโอนเงิน, บัตรเครดิต หรือ เลือกที่จะไปชำระที่ 7-11ได้ตามการซื้อปกติทุกอย่าง)
ขั้นตอนการใช้งาน
e-Wallet
แค่เติมเงินเข้า e-Wallet ของตัวเองก่อน
จากนั้นก็สามารถซื้อสินค้าได้โดยหักเงินจาก e-Wallet
ไฟร์วอลล์
(Firewall)
ที่มาภาพ: https://www.reviversoft.com/th/blog/2013/08/configuring-windows-firewall-for-your-applications/
คือ ระบบรักษาความปลอดภัยของเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ซึ่งจะทำหน้าที่เปิดและปิดการเข้าถึงจากภายนอก (เช่น จากอินเตอร์เน็ต) เข้าถึงเครือข่ายภายใน (เช่น
เครือข่ายภายในองค์กร หรือคอมพิวเตอร์ส่วนตัว) ได้ อาจพูดได้ว่า Firewall
ก็เหมือนยามหน้าประตูของคอมพิวเตอร์ ซึ่งการเข้าถึงจากภายนอกจะต้องผ่านให้ Firewall ตรวจสอบก่อนว่าสามารถเข้าระบบเครือข่ายภายในได้หรือไม่ Firewall โดยจะมีการกำหนดกฎระเบียบบังคับใช้เฉพาะเครือข่าย
ซึ่งหมายความว่าหากการเข้าถึงนั้นถูกต้องตามที่ Firewall กำหนดไว้
ก็จะเข้าถึงเครือข่ายได้ หากไม่ตรงก็จะเข้าถึงไม่ได้ หรือที่เรียกกันว่า Default
deny นั่นเอง
ที่มา:
www.onestopware.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น